Tag: Mathematics
ก่อนอื่น เราจะต้องเข้าใจความหมายของคำว่าสมาชิกนำ และเมทริกซ์รูปแบบขั้นบันได ก่อน สมาชิกนำ (Leading coefficient) ในแต่ละแถวของเมทริกซ์ เราจะเรียกสมาชิกตัวแรกที่อยู่ทางซ้ายสุด และไม่ใช่ศูนย์ว่า สมาชิกนำ ให้ A เป็นเมทริกซ์ดังข้างล่าง สมาชิกนำในแต่ละแถวคือ ที่ไฮไลท์สีเหลือง คือ 2, 7, -3, และ 5 เมทริกซ์ที่มีรูปแบบขั้นบันได (Row echelon form matrix) เราจะเรียกเมทริกซ์ A …
ระบบเลขฐานประกอบด้วย เลขฐาน 2, เลขฐาน 8, เลขฐาน 10, และ เลขฐาน 16 ระบบเลขฐาน 2 (Binary Number System) ประกอบด้วยเลข 2 ตัวคือ 0 และ 1 เท่านั้น ระบบเลขฐาน 8 (Octal Number System) ประกอบด้วยเลข 8 …
ถ้าพิจารณาจากนิยามของ ห.ร.ม. จะพบว่าวิธีการหนึ่งที่สามารถใช้ในการหา ห.ร.ม. ได้คือ การนำจำนวนเต็มบวกมาหารจำนวนเต็มสองจำนวน โดยเริ่มตั้งแต่การนำ 1,2,3,…ไปเรื่อยๆ มาหารจนถึงจำนวนที่น้อยกว่าในสองจำนวนที่ต้องการหา ห.ร.ม. นั้นและในระหว่างการคำนวณ จะต้องจดจำค่าที่มากที่สุดที่หารจำนวนทั้งสองลงตัว เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว จำนวนมากที่สุดที่จดจำไว้คือ ห.ร.ม. วิธีการนี้จะใช้งานได้สะดวกเมื่อจำนวนเต็มทั้งสองจำนวนมีค่าน้อย เช่น 21 กับ 14 ถ้าจำนวนเต็มทั้งสองมีค่ามาก เช่น 221 กับ 187 วิธีการข้างต้นจะใช้เวลานาน เพาระต้องทำการคำนวณทั้งหมด 187 ครั้ง …
แบบฝึกหัดที่ 1: กำหนดค่าความจริงของประพจน์บางตัวให้ จงหาค่าความจริงของประพจน์ผสม ให้ เป็นจริง จงหาค่าความจริงของ ให้ เป็นจริง จงหาค่าความจริงของ ให้ เป็นจริง จงหาค่าความจริงของ ให้ เป็นจริง จงหาค่าความจริงของ ให้ เป็นจริง และ เป็นเท็จ จงหาค่าความจริงของ ให้ เป็นเท็จ จงหาค่าความจริงของ ให้ เป็นเท็จ จงหาค่าความจริงของ ให้ เมื่อ …
กำหนดให้ จงหาค่าของ จงหาค่าของ จากสมการ จงหาค่าของ จากสมการ เมื่อ จงหาค่า จากสมการ จงหาค่า จากสมการ จงหาค่า จากสมการ เมื่อ จงหาค่า จากสมการ จงหาค่า จากสมการ จงหาค่า จากสมการ จงหาค่า จากสมการ และ จงหาค่า จากสมการ เมื่อ จงหาค่า จากสมการ เมื่อ …
การแก้อสมการ คือ การหาค่าของตัวแปรทั้งหมดที่สอดคล้องกับเงื่อนไขที่โจทย์กำหนดมาให้ ซึ่งสิ่งที่ต้องรู้คือ การบวก-ลบด้วยค่าคงที่ใดๆ ไม่ต้องกลับเครื่องหมายอสมการ การคูณ-หารด้วยจำนวนบวก ไม่ต้องกลับเครื่องหมายอสมการ แต่ถ้าคูณ-หารด้วยจำนวนลบ ต้องกลับเครื่องหมายอสมการ เช่น สามารถจัดรูปได้เป็น สามารถจัดรูปได้เป็น อสมการพหุนามกำลังสูงกว่า 1 มีหลักการแก้อสมการคร่าวๆดังนี้ จัดอสมการทางขวามือให้เป็น ถ้าเป็นเศษส่วน จัดรูปให้อยู่ในรูปอย่างง่ายเพียงเศษส่วนเดียว ทำสัมประสิทธิ์ของกำลังสูงสุดทั้งเศษและส่วนให้เป็นจำนวนบวก แยกตัวประกอบ (ถ้าแยกได้) เขียนเส้นจำนวน แล้วใส่เครื่องหมาย สลับกันจากขวาไปซ้าย